ประกันรถยนต์ชั้น 1, 2, 3 ต่างกันยังไง เลือกแบบไหนให้คุ้มสุด?
ซื้อประกันรถยนต์แต่ละที หลายคนงงสุด ๆ กับคำว่า “ชั้น 1, 2, 2+, 3+, 3” คืออะไร? ต่างกันยังไง? แล้วเราควรเลือกแบบไหนให้เหมาะกับการใช้งานจริง ไม่ต้องจ่ายแพงเกินจำเป็น วันนี้เราจะมาอธิบายแบบเข้าใจง่าย ๆ พร้อมเปรียบเทียบให้เห็นชัด ๆ ว่าประกันแต่ละชั้นเหมาะกับใคร และคุ้มแค่ไหน
ประกันรถยนต์ชั้น 1 – คุ้มครองครบสุด
- เหมาะกับ: รถใหม่ รถราคาแพง รถที่ยังมีผ่อน หรือคนที่อยากได้ความอุ่นใจสูงสุด
- คุ้มครอง: รถเรา + รถคู่กรณี + คนในรถ + รถหาย + ไฟไหม้ + น้ำท่วม + ชนไม่มีคู่กรณี (เช่น ถอยชนเสา)
- จุดเด่น: เคลมได้แม้ไม่มีคู่กรณี ขอแค่มีร่องรอยให้ตรวจสอบได้
- ราคา: สูงสุดในบรรดาทุกชั้น (หลักหมื่นต่อปี)
ประกันรถยนต์ชั้น 2+ – คุ้มเกือบเท่าชั้น 1 แต่ราคาย่อมเยากว่า
- เหมาะกับ: รถมือสอง รถที่หมดค่างวด หรือคนที่อยากประหยัดแต่ยังอยากได้ความคุ้มครองมากหน่อย
- คุ้มครอง: รถคู่กรณี + คนในรถ + รถหาย + ไฟไหม้
- ไม่คุ้มครอง: รถเรากรณีชนไม่มีคู่กรณี เช่น ถอยชนเอง ชนเสา ไม่มีภาพหรือพยาน
- ราคา: ถูกกว่าชั้น 1 ประมาณ 30–50%
╔═════════════════════════╗
บริการจำหน่าย ประกันภัย รถจักรยานยนต์ รถยนต์ และ พ.ร.บ.
มองหาความคุ้มครองที่คุ้มค่า เพิ่มเพื่อนมาเลยที่ LINE: @auct_business 💰 🚗
อีกหนึ่งบริการดีๆจาก บมจ. สหการประมูล
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม AUCT Care
02 033 6555
╚═════════════════════════╝
ประกันรถยนต์ชั้น 3+ – เน้นคุ้มครองคู่กรณี และรถเราบางกรณี
- เหมาะกับ: รถอายุเยอะ, ใช้น้อย, ขับในพื้นที่ไม่เสี่ยง หรือคนที่อยากได้ราคาถูกแต่ยังพอมีความคุ้มครอง
- คุ้มครอง: รถคู่กรณี + คนในรถ + รถเรากรณีมีคู่กรณี (ชนกับยานพาหนะทางบก)
- ไม่คุ้มครอง: รถหาย ไฟไหม้ หรือรถเรากรณีไม่มีคู่กรณี
- ราคา: ย่อมเยา เหมาะกับรถเก่า ใช้งานน้อย
ประกันรถยนต์ชั้น 2 – เก่าแต่ยังมีอยู่
- คล้ายชั้น 2+ แต่ ไม่คุ้มครองรถชน เน้นคุ้มครอง รถหาย ไฟไหม้ และคู่กรณี เท่านั้น
- ไม่ค่อยนิยมในปัจจุบัน เพราะชั้น 2+ ให้ความคุ้มครองมากกว่าในราคาที่ใกล้เคียงกัน
ประกันรถยนต์ชั้น 3 – คุ้มครองน้อยสุด แต่ก็มีประโยชน์
- เหมาะกับ: รถที่อายุเกิน 10 ปีขึ้นไป หรือรถที่แทบไม่ได้ใช้งาน
- คุ้มครอง: รถคู่กรณี + คนในรถ
- ไม่คุ้มครอง: รถเราเอง, รถหาย, ไฟไหม้, น้ำท่วม ฯลฯ
- ราคา: ถูกที่สุด (หลักร้อยถึงพันต้น ๆ ต่อปี)
สรุป
ประกันแต่ละชั้นมีข้อดีข้อจำกัดต่างกัน ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้รถ อายุรถ งบประมาณ และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ถ้าขับรถบ่อย อยู่ในเมือง รถยังใหม่ แนะนำชั้น 1 หรือ 2+ แต่ถ้าเป็นรถสำรอง รถเก่า หรือขับในพื้นที่ปลอดภัย ชั้น 3+ ก็เพียงพอแล้ว สิ่งสำคัญคือ ต้องรู้ว่าคุณต้องการความคุ้มครองแบบไหน แล้วเลือกให้คุ้มกับการใช้งานจริง
แกลเลอรี่